วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เกษมบัณฑิต กับมหาวิทยาลัยที่สุดแห่งยุคดิจิทัล

จากผลการสำรวจของ www.webmetrics.info เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา “Top University by Google Scholar Citations มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตขยับตำแหน่งขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 7 ของมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีผู้สนใจเข้ามาสืบค้นงานเขียนด้านวิชาการ งานวิจัย ต่างๆ โดยผ่านจากฐานข้อมูล Google Scholar ที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลบทความ และค้นข้อมูลด้านงานวิจัยต่างๆ จากทั่วโลก และเป็นอันดับที่ 32 ของประเทศที่มีจำนวนสถาบันที่เปิดการเรียนการสอนกว่า 170 สถาบัน ทั่วประเทศ ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เกิดจากผลงานการวางแผนการพัฒนามหาวิทยาลัย ตามแนวทางที่ท้าทายต่อการวางแผนพัฒนามหาวิทยาลัยว่าภายในปี พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตจะต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของมหาวิทยาลัยเอกชนไทย โดยมีนวัตกรรมหรือผลผลิตทางวิชาการที่ได้รับการยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ โดยมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตที่เป็นนักปฏิบัติเชิงรุก (PROACTIVE PRACTITIONER) สามารถทำงานและดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างเข้มแข็งและมีความสุข 



ดร.วัลลภ  สุวรรณดี
อธิการบดี
ดร.วัลลภ  สุวรรณดี อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ได้กล่าวว่าการดำเนินงานบริหารมหาวิทยาลัยในยุคปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งที่สังคมคาดหวังถึงคุณภาพบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษามาก เกษมบัณฑิตไม่หยุดที่จะพัฒนาบัณฑิตให้เป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพในทุกมิติของการเรียนรู้  เราสอนให้บัณฑิตสามารถทำงานได้จริงควบคู่กับใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข  ซึ่งสิ่งที่จะทำให้ก้าวสู่จุดนั้นได้ มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องพัฒนาทั้งด้านวิชาการ และด้านสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ ของมหาวิทยาลัยและ สิ่งสนับสนุนที่เอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ เพื่อก่อให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ  นอกจากนี้ เกษมบัณฑิตยังพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและการขาดแคลนแรงงานในด้านต่าง ๆ อาทิ การเปิดสอนในคณะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ด้านสาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการออกแบบแฟชั่น หรือด้านธุรกิจการค้าปลีก เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลายในการสร้างอาชีพของตนเอง เพราะต้องยอมรับว่า ช่วงเวลาไม่กี่ปีนี้มีสาขาอาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย และคนรุ่นใหม่เองก็ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองเพิ่มขึ้น โดยมหาวิทยาลัยได้นำผลจากงานวิจัยต่างๆ มาประกอบข้อมูลในการพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ เสมอ ซึ่งการเพิ่มศักยภาพงานวิจัยให้กับบุคลากรในมหาวิทยาลัยนั้น เรามีหน่วยงานด้านวิจัยเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีผู้บริหารที่เชี่ยวชาญด้านงานวางแผน อย่างดร.เสนีย์  สุวรรณดี รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา เป็นผู้กระตุ้นและสร้างเสริม สนับสนุนให้บุคลากรได้ทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง 


ดร.เสนีย์  สุวรรณดี
รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา
           ดร.เสนีย์ สุวรรณดี รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา กล่าวว่า ผลงานวิจัยที่ได้รับการติดอันดับ 7  “Top University by Google Scholar Citations” จากการจัดอันดับ โดย www.webmetrics.info นั้น ส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนางานด้านการวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา วารสารวิชาการงานวิจัย ของมหาวิทยาลัย ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน กลุ่มที่ 1 หรือ TCI 1 คือจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ฐานข้อมูล ASEAN Citation Index (ACI) ต่อไป จากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai-Journal Citation Index Centre : TCI)  ซึ่งในวงการวิชาการนั้น ได้รับการยกย่องว่าการจัดทำฐานข้อมูล TCI จึงสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพผลงานวิจัยไทยได้  นอกจากนี้ งานด้านการวิจัยยังเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่มหาวิทยาลัยจะมีส่วนช่วยสังคม โดยเฉพาะงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นคือ ต้องสามารถจับต้องได้จริง กล่าวคือ เป็นงานวิจัยที่สามารถใช้ประโยชน์จากผลของงานวิจัย ที่ผ่านมาเกษมบัณฑิต ดำเนินโครงการในลักษณะนี้ อาทิ การพัฒนาข้าวอ่อนหวาน จากสหกรณ์การเกษตรกรผักไห่ จำกัด โดย ดำเนินการอบรมด้านการบริหารจัดการธุรกิจ จัดทำแผนธุรกิจและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยเฉพาะการจัดทำบรรจุภัณฑ์ข้าวสารพันธุ์หอมชลสิทธิ์ขึ้นใหม่ ภายใต้เครื่องหมายการค้า อ่อนหวาน ที่ขณะนี้จัดจำหน่ายทั่วประเทศและอยู่ระหว่างการจัดการด้านการส่งออกด้วย หรือ ด้านการจัดการค้าปลีกที่มหาวิทยาลัยได้ลงพื้นที่เข้าร่วมพลิกฟื้นโอกาสทางธุรกิจแก่ร้านขายของชำทั้งปลีกและส่งสัญชาติไทย ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 400,000 แห่ง เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เข้าร่วมพัฒนาและปฏิวัติภาพลักษณ์ร้านโชว์ห่วยใหม่ให้มีความทันสมัย ไม่แพ้ร้านสะดวกซื้อ  ให้ประชาชนผู้บริโภคหันกลับมาใช้บริการร้านขายของชำในชุมชนใกล้บ้านมากขึ้น ไม่ให้ผู้ประกอบการเกิดความท้อแท้และปิดกิจการไป
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้งานวิจัยมีความยั่งยืนและต่อยอดสู่งานวิจัยในเรื่องต่างๆ ได้  โดยต้องอาศัยความร่วมมือกัน การทำงานเป็นทีม เป็นความเข้มแข็งทางวิชาการที่คณาจารย์มีประสบการณ์วิจัยที่หลากหลาย มารวมกันและแลกเปลี่ยนความรู้ โดยอาศัยหลัก การบริหารจัดการความรู้ KM  (Knowledge Management) เกิดเครือข่างทางสังคมขึ้น ทำให้งานมีประสิทธิภาพ  ยกระดับงานวิจัยไทยให้มีความก้าวหน้าและเข้มแข็งขึ้น
ดร.เสนีย์กล่าวในตอนท้ายว่า เป้าหมายสูงสุดในการพัฒนามหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตคือการเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ทรงคุณค่าได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและนานาชาติ เป็นแหล่งรวมขององค์ความรู้ บุคลากรเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับมีความเป็นเลิศในศาสตร์ที่จัดการเรียนการสอนและที่สำคัญเกษมบัณฑิตคือการเป็นองค์กรแห่งความผาสุกสมาชิกทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้บรรยากาศแห่งความคิดสร้างสรรค์ ความสุข ความรักและภักดีต่อองค์ มีการทำงานเป็นทีมและมีความเป็นมืออาชีพคุณภาพชั้นนำอย่างแท้จริง

          ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต มี 2 วิทยาเขตคือ วิทยาเขตพัฒนาการและวิทยาเขตร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า ตั้งอยู่ฝั่งกรุงเทพตะวันออก ภายในมีหอพักนักศึกษาที่ให้บริการรองรับนักศึกษาได้มากกว่า 1,200 คน และมีนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศจีน นิยมเข้ามาศึกษาต่อที่นี่กว่า 800-1,000 คน และเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกและแห่งเดียวที่นำเครื่องบินจริงมาไว้ในมหาวิทยาลัยเพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริง ในสาขาวิชาธุรกิจการบิน สถาบันพัฒนาบุคลากรการบิน